ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

หลักการนับเบื้องต้น (หลักการบวก n1 + n2 + n3 + … + nk วิธี)

 หลักการนับเบื้องต้น

หลักการบวก

       การทำงานที่มีวิธีทำได้ k แบบ โดยการทำงานแบบที่ 1 มีวิธีทำ n1 วิธี การทำงานแบบที่ 2 มีวิธีทำ n2 วิธี การทำงานแบบที่ 3 มีวิธีทำ n3  วิธี และการทำงานแบบที่ k มีวิธีทำ nk  วิธี ดังนั้น จำนวนวิธีการทำงานทั้งหมดจะเท่ากับ n1 + n2 + n3 + … + nk วิธี

 

ต้องการสำรวจนักเรียนในการเลือกอาหารคาวและผลไม้ โดยมีอาหารคาว 3 อย่าง และมีผลไม้ 2 อย่าง จะมีวิธีในการเลือกอาหารคาว 1 อย่าง และผลไม้ 1 อย่าง ได้กี่วิธี

วิธีทำ

อาหาร

ผลไม้

อาหารคาว 1 (n1)

ผลไม้ 1

ผลไม้ 2

อาหารคาว 2 (n2)

ผลไม้ 1

ผลไม้ 2

อาหารคาว 3 (n3)

ผลไม้ 1

ผลไม้ 2

 

จากตารางจะเห็นว่า

1. ถ้าเลือกอาหารคาว 1 (n1) แล้วเลือกผลไม้ จะมีวิธีการเลือกได้ทั้งหมด 2 วิธี

2. ถ้าเลือกอาหารคาว 2 (n2) แล้วเลือกผลไม้ จะมีวิธีการเลือกได้ทั้งหมด 2 วิธี

3. ถ้าเลือกอาหารคาว 3 (n3) แล้วเลือกผลไม้ จะมีวิธีการเลือกได้ทั้งหมด 2 วิธี

 

จาก หลักการบวก

       การทำงานที่มีวิธีทำได้ k แบบ โดยการทำงานแบบที่ 1 มีวิธีทำ n1 วิธี การทำงานแบบที่ 2 มีวิธีทำ n2 วิธี การทำงานแบบที่ 3 มีวิธีทำ n3  วิธี และการทำงานแบบที่ k มีวิธีทำ nk  วิธี ดังนั้น จำนวนวิธีการทำงานทั้งหมดจะเท่ากับ n1 + n2 + n3 + … + nk วิธี

 

มีวิธีการเลือกอาหารคาว 1 อย่าง และผลไม้ 1 อย่างได้แตกต่างกันทั้งหมด

n1 + n2 + n3 = 2 + 2 + 2 วิธี

           = 6 วิธี

ดังนั้น มีวิธีการเลือกอาหารคาว 1 อย่าง และผลไม้ 1 อย่าง ได้แตกต่างกันทั้งหมด 6 วิธี

หรือ

ผลไม้

อาหาร

ผลไม้ 1 (n1)

อาหารคาว 1

อาหารคาว 2

อาหารคาว 3

ผลไม้ 2 (n2)

อาหารคาว 1

อาหารคาว 2

อาหารคาว 3

 

จากตารางจะเห็นว่า

1. ถ้าเลือกผลไม้ 1 (n1) แล้วเลือกอาหารคาว จะมีวิธีการเลือกได้ทั้งหมด 3 วิธี

2. ถ้าเลือกผลไม้ 2 (n2) แล้วเลือกอาหารคาว จะมีวิธีการเลือกได้ทั้งหมด 3 วิธี

 

จาก หลักการบวก

       การทำงานที่ไม่ต่อเนื่องกัน โดยการทำงานแบบที่ 1 มีวิธีทำ n1 วิธี และการทำงานแบบที่ 2 มีวิธีทำ n2 วิธี ดังนั้น จำนวนวิธีการทำงานทั้งหมดจะเท่ากับ n1 + n2 วิธี

 

มีวิธีการเลือกอาหารคาว 1 อย่าง และผลไม้ 1 อย่างได้แตกต่างกันทั้งหมด

n1 + n2  = 3 + 3 วิธี

           = 6 วิธี

ดังนั้น มีวิธีการเลือกอาหารคาว 1 อย่าง และผลไม้ 1 อย่าง ได้แตกต่างกันทั้งหมด 6 วิธี

ฝึกสมอง ลองความไว กับแอป QMath เล่นง่าย สนุกกับการเรียนรู้ สามารถดาวน์โหลดแอปได้ที่ลิงค์ด้านล่างเลยนะคะ

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ปริมาตรปริซึม

ปริมาตรปริซึม ตัวอย่างการคำนวณปริมาตรปริซึม      ปริซึมสี่เหลี่ยมรูปหนึ่ง กว้าง 4 เซ็นติเมตร ยาว 8 เซ็นติเมตร และสูง 15 เซ็นติเมตร  จงหาปริมาตรปริซึมสี่เหลี่ยมรูปนี้       วิธีทำ               จากสูตรการหาปริมาตรของปริซึม = พื้นที่ฐาน x สูง               จากรูป ฐานของรูปปริซึมสี่เหลี่ยมรูปนี้เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง 4 cm. และยาว 8 cm.               ดังนั้น พื้นที่ฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า = ก x ย               แทนค่าตามสูตรปริมาตรปริซึม = พื้นที่ฐาน x สูง                                                       = ก x ย x ส                                                       = 4 x 8 x 15                                                       = 480        ตอบ ปริซึมสี่เหลี่ยมรูปนี้มีปริมาตร คือ 480 ลูกบาศก์เซ็นติเมตร     ปริซึมสามเหลี่ยมรูปหนึ่ง สูง 15 เซ็นติเมตร มีความยาวฐาน 6 เซ็นติเมตร และส่วนสูงของฐาน 5  เซ็นติเมตร  จงหาปริมาตรปริซึมสามเหลี่ยมรูปนี้       วิธีทำ               จากสูตรการหาปริมาตรของปริซึม = พื้นที่ฐาน x สูง               จาก

เลขยกกำลัง ตัวอย่าง 5 (math logarithm)

คำถาม จงเขียนจำนวนต่อไปนี้ในรูปเลขยกกำลังที่มีเลขชี้กำลังเป็นจำนวนเต็มที่มากกว่า 1   พร้อมทั้งบอกฐาน และเลขชี้กำลัง                          0.0025 เขียนในรูปเลขยกกำลัง คือ …………………………………… ฐาน  คือ.................................................................................... เลขชี้กำลัง คือ ...……………………………………………… ตอบ เขียนในรูปเลขยกกำลัง คือ   0.05 2 ฐาน  คือ     0.05 เลขชี้กำลัง คือ    2

ประพจน์ (Propositions หรือ Statements)

ประพจน์ ( Propositions  หรือ Statements ) ประพจน์  คือ  ประโยคหรือข้อความที่เป็นจริงหรือเท็จ อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น ประโยคหรือข้อความที่มีลักษณะดังกล่าวจะอยู่ในรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธก็ได้ ตัวอย่างประโยคหรือข้อความที่เป็นประพจน์             1.   สกลนครเป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือของไทย               (เท็จ)             2.  2 + 3 = 5                                                                             (จริง)             3.  แมวเป็นสัตว์ที่มีสองขา                                                      (เท็จ)             4.  เดือนมิถุนายนมี 30 วัน                                                        (จริง)             5.  9 หารด้วย 3 ลงตัว                                                              (จริง) จากตัวอย่างข้างต้น  การเป็นจริงหรือเท็จ (true or false)ในทางตรรกศาสตร์   ของแต่ละประพจน์   เรียกว่า   ค่าความจริงของประพจน์ (truth - value) ข้อความที่ไม่ได้อยู่ในรูปบอกเล่าหรือปฏิเสธ จะไม่เป็นประพจน์  เช่น  ประโยคคำถา